วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

พัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ


พัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จ มักไม่หวั่นไหวต่อความผิดหวัง
                บุคคลที่ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันและในยุคอดีต มักเป็นบุคคลที่มีความแตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไปกล่าวคือ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะทำอะไรที่แตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไปหรือมีลักษณะบางอย่างที่มีมากกว่าบุคคลทั่วไปหรือลักษณะบางประการที่บุคคลโดยทั่วไปไม่มี เช่น
-                    1.มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ มีเป้าหมายที่เป็นไปได้  บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีความฝัน และ
เป้าหมายในชีวิต ซึ่งแตกต่างกับสังคมไทยเราต้องยอมรับกันว่า  เด็กไทยเราหรือคนไทยเราประสบความสำเร็จน้อยมากเนื่องจากไม่มีเป้าหมายในชีวิต เราสามารถพิสูจน์กันง่ายๆ เราลองไปถามเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 100 คน แล้ว ลองถามว่าอนาคตมีความฝันอยากเป็นอะไรหรือมีเป้าหมายในชีวิตอยากเป็นอะไร เราจะได้พบคำตอบว่า ยังไม่รู้ ยังไม่มีเป้าหมาย อีกทั้งการเรียนต่อก็เรียนไปด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ไปในทิศทางเดียวกันกับความฝันหรือเป้าหมาย เช่น เรียนตามเพื่อน ไม่รู้จะเรียนอะไร สอบติดอะไรก็เรียนไปก่อน เรียนปริญญาตรีให้จบก่อนแล้วค่อยหางานทำ ฯลฯ
-                    2.มีความกล้าที่จะล้มเหลว บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคน มักผ่านความล้มเหลว ผ่านความยากลำบาก มาอย่างมากมาย กว่าจะประสบความสำเร็จ แต่น้อยคนนักที่จะมองว่าความล้มเหลวมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ความล้มเหลวทำให้เกิดความอดทน ความล้มเหลวทำให้เกิดการพัฒนา  ความล้มเหลวมักทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  และความล้มเหลวมักสร้างให้คนประสบความสำเร็จ
-                    3.มีความคิดริเริ่ม ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ เช่น เฮนรี่ ฟอร์ด  ประดิษฐ์รถยนต์คันแรก หรือ โทมัส  เอดิสัน ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์มากมายซึ่งคนโดยทั่วไปทำไม่ได้ ท่านพัฒนาเครื่องรับส่งโทรเลข  ท่านพัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียง ท่านประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า  ท่านประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหว บุคคลที่ประสบสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มักเป็นบุคคลที่ทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้หรือตนเองทำก่อนคนอื่น ซึ่งต้องอาศัยจินตนาการมากมายถึงทำได้จน โทมัส เอดิสัน กล่าวคำกล่าวประโยคหนึ่งจนทำให้คนจำกันทั่วโลกว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ”
-                    4.มีความพยายามเป็นอย่างมาก  มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนไปถาม เฉินหลงซึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกว่า เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของคุณคืออะไร เฉินหลงตอบกลับไปว่า  “ คือความพยายาม” เฉินหลงฝึกกังฟูมาเมื่ออายุแปดขวบ จนถึงปัจจุบัน เขาต้องฝึกฝนอยู่เป็นประจำเขาใช้เวลาทุ่มเทกว่า ยี่สิบปีสามสิบปี ถ้าหากท่านใช้ความพยายามแค่ 3-4 ปี ถือว่าท่านพยายามน้อยมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับดาราซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก นามว่า “ เฉินหลง ”
-                    5.มีการหาคนเก่งๆ  เข้ามาช่วยงาน ถ้าพวกเรามีเวลา ลองไปหาอ่านหนังสือประวัตินักธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เป็นนักบริหารในองค์กรใหญ่ๆ เช่น บิลล์ เกตส์ เคยมีนักเขียนของนิตยสารฟอร์บไปสัมภาษณ์เขาว่า ทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เขาตอบกลับว่า
“ในแต่ละปีเขาจะเชิญคนเก่งกว่าเขาร่วมงานกับเขาทุกๆปี”  คำตอบนี้คงไม่แตกต่างอะไรจากนักธุรกิจใหญ่ๆของไทย  หลายๆคนที่เคยให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือนักหนังสือพิมพ์  ซึ่งคำตอบก็ออกมาในลักษณะเดียวกัน
-                    6.มีความเป็นนักการตลาดและนักขายในตัวเอง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในยุคอดีต รวมทั้งยุคปัจจุบัน มักเป็นคนที่มีความเป็นนักการตลาดและนักขายในตัวเอง ปัจจุบันเป็นยุคทุนนิยม เป็นยุคบริโภคนิยม ดังนั้นการตลาดและการขายจึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาเรียนรู้กัน ยุคปัจจุบัน การตลาดสามารถปรับใช้หรือประยุกต์ใช้ได้กับวงการต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการการเมือง ดังเช่น พรรคไทยรักไทย ประสบความสำเร็จเป็นอันมากเมื่อนำการตลาดมาใช้ในการทำงานด้านการเมือง นักการตลาดและนักขาย ต้องรู้ว่าลูกค้าของตัวเองเป็นใคร เราจะสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าอย่างไร เราจะขยายฐานของลูกค้าอย่างไร เราจะต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดเป็นประจำ  ฯลฯ
สิ่งที่กล่าวข้างต้นคือปัจจัยที่นำทางสู่ความสำเร็จ ดังนั้นหากพวกเราต้องการประสบความสำเร็จควรฝึกปฏิบัติเรียนรู้และพัฒนาตนเอง โดยการนำคำแนะนำดังกล่าวไปปฏิบัติแล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ
·       ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว

               

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ

จงกล้าที่จะล้มเหลว
โดย...สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
                คน ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก มักผ่านความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้มาด้วยกันทั้งสิ้น แต่พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ในที่สุด พวกเขาจึงประสบความสำเร็จ ไม่ว่า นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ นักขาย  นักธุรกิจ  ฯลฯ ดังบุคคลตัวอย่างดังนี้
-         นักการเมือง อับราฮัม ลินคอล์น(Abraham |Lincoln) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขาแพ้การเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติในปี 1832 , ปี 1838 แพ้การเลือกตั้งเพื่อเป็นโฆษก ,ปี 1840 แพ้การเลือกตั้งสู่สภาผู้แทน , ปี 1843 แพ้การเลือกตั้งสู่สภาผู้แทนอีกครั้ง จนปี 1846 จึงได้รับการเลือกตั้งสู่สภาผู้แทน ต่อมาก็แพ้การเลือกตั้งสภาผู้แทนปี 1848 , แพ้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาปี 1855 , แพ้การเลือกตั้งรองประธานาธิบดีปี 1856 , แพ้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาปี 1858 และในปี 1860 จึงได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา
-          นักวิทยาศาสตร์ โธมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ เขามีสิทธิบัตรกว่าพันชิ้น ก่อนที่เขาจะผลิตหลอดไฟฟ้าสำเร็จ เขาต้องล้มเหลวนับเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้หรือท้อใจ จนในที่สุดเขาผลิตหลอดไฟฟ้าสำเร็จ
-         นักขาย ผู้พันแซนเดอร์ส เจ้าของสูตรไก่ทอด KFC ที่ มีขายทั่วโลก หลังเกษียณ เหลือสมบัติชิ้นเดียวที่สำคัญคือ สูตรไก่ทอด เขาต้องเดินเร่ขายสูตรไก่ทอดของเขา ให้นักธุรกิจ จากคนที่ 1 ไม่ซื้อ คนที่ 10 ไม่ซื้อ คนที่ 100 ไม่ซื้อ คนที่ 1,000 ไม่ซื้อ แต่เขาไม่ย่อท้อ เขาเร่ขายสูตรไก่ทอดของเขาต่อไป จนกระทั้ง ประสบความสำเร็จคนที่ 1,009 จึงมีคนซื้อสูตรไก่ทอดของเขา  
-         นัก ธุรกิจ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ท่านประสบความสำเร็จในด้านการทำธุรกิจ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า กว่าที่ท่านจะประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ท่านเคยผ่านความล้มเหลว มาหลายครั้ง ไม่ว่า การนำผ้าไหมมาขายก็ไม่ประสบความสำเร็จ  การ ทำธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์ก็ไม่ประสบความสำเร็จ การสร้างคอนโดมิเนียมขายก็ไม่ประสบความสำเร็จ การทำธุรกิจคอมพิวเตอร์ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เจอกับความล้มเหลวต่างๆ ในการทำธุรกิจจนในที่สุด มาประสบความสำเร็จที่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ แล้วจึงลงทุนในกิจการทางด้านธุรกิจอีกมากมาย
บุคคลที่กล่าวข้างต้นนี้ และยังมีอีกหลายวงการที่ยังไม่ได้กล่าวถึง  เป็น บุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่ต้องเคยการผ่านความล้มเหลวมาด้วยกันทั้งสิ้น แต่เป็นที่สังเกตว่า ยิ่งบุคคลใดประสบความล้มเหลวมากครั้งเท่าใดหรือผ่านความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ เท่าใด ความสำเร็จก็จะยิ่งใหญ่เท่านั้น
ดัง นั้น หากว่าท่านเกิดการท้อแท้ใจ ขอให้ท่านนึกถึงคำพูดของ ศาสตราจารย์ วิลเลี่ยม เจมส์ นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ท่านได้กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า  เราไม่ควรไปท้อแท้ใจหรือกังวล ผลของการฝึกฝนหรือความพ่ายแพ้ชั่วคราวเลย  ขอให้เราฝึกไปเรียนไป อย่างสม่ำเสมอไม่หยุดก็แล้วกัน แล้วสักวันหนึ่งเราจะพบว่าเราประสบความสำเร็จและไม่เป็นรองใครในวงการนั้นๆ  บุคคล ที่ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาด้วยกันทั้งนั้น แต่ที่แตกต่างกันก็คือ ความเอาจริงเอาจังกับชีวิต และความไม่เคยท้อแท้ ท้อถอย นั้นเอง

สู้แล้วรวย

สู้แล้วรวย
โดย...สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
                ชีวิต ของมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะมาด้วยตนเอง โดยไม่ได้รับทรัพย์สมบัติจากครอบครัว...ส่วนใหญ่ในโลกรวมทั้งประเทศไทยเรา ด้วย ไม่มีคนนั้นเลยที่ไม่เคยลำบาก ล้มลุกคลุกคลาน
                และมีจำนวนไม่น้อยต้องล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่า 7-10 ครั้ง เช่น พตท.ดร.ทักษัณ  ชินวัตร กว่าจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีต้องเป็นหนี้เป็นสิน  ทำธุรกิจล้มเหลวหลายธุรกิจแล้วจึงมาประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจในช่วงหลังๆ

                ถาม ว่า ทำไมคนจนถึงไม่รวย คำตอบคือ คนจนส่วนใหญ่ไม่ใช้ความคิด คนร่ำรวยส่วนใหญ่ใช้ความคิด คนคิดเป็น...ย่อมร่ำรวยก่อนคนไม่ใช้ความคิด...
                คน จนหลายพันล้านคนในโลกนี้ ทำงานหากินด้วยการใช้แรงกายด้วยความยากลำบาก ได้รับเงินเดือนต่ำๆ ไม่คุ้มค่า เพราะคนจนเหล่านั้นใช้สมองน้อยมาก ตรงกันข้ามกับคนร่ำรวย เขาจะใช้แรงกายน้อยแต่จะใช้สมองมาก รายได้สูง..คุ้มค่าเหนื่อย
            ดังนั้น ความคิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้  ถ้าคุณคิดว่าคุณทำไม่ได้  คุณก็จะทำไม่ได้ จงคิดอย่างผู้ยิ่งใหญ่  ไม่ควรคิดอย่างขอทานหรือคิดเล็กๆ
                เราลองมาพูดถึงความคิดกันอีกสักหน่อย.... คนที่ร่ำรวยมักจะคิดแตกต่าง  กว่าคนทั่วไป คนรวยมักจะมีความคิดที่สร้างสรรค์มากกว่าคนทั่วไป  ฉะนั้นถ้าพวกเรารู้จักคิดให้แตกต่างจากคนทั่วไป  ผลที่ได้รับคือคุณจะร่ำรวยกว่าคนทั่วไปเช่นกัน
                อยาก รวยต้อง พลิกวิกฤติ...ให้เป็นโอกาส... ถ้าอยากร่ำรวย ต้องหาโอกาสในวิกฤติ เช่น ถ้าคนอื่นมีวิกฤติ เราต้องหาโอกาสในวิกฤตนั้นแล้วเราจะร่ำรวย  หลายพื้นที่ในโลก รวมทั้งประเทศไทย ขาดน้ำดื่ม น้ำใช้ สิ่งเหล่านี้คือ วิกฤตของเขา ถ้าเราหาน้ำดื่ม น้ำใช้ ไปขายได้  เราก็จะได้เงินจำนวนมหาศาล
                อยาก รวย...ต้องขยัน... คนร่ำรวยส่วนใหญ่เป็นนักคิด คิดต่าง คิดสร้างสรรค์ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้ามีแต่ความคิดแล้วไม่ลงมือทำหรือไม่ขยันทำ ดังนั้น เมื่อมีปัญญา...แต่ขี้เกียจ....ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันรวย
                เงินมีอยู่รอบตัวเรา ถ้าเรารู้จักหา รู้จักคิด มันก็จะเข้าสู่กระเป๋าของเรา แม้แต่ดินก็มีเงิน....งอกออกมาได้
ถ้าเรามีที่ดินเราสามารถปลูกกล้วยขายได้    ถ้าเรามีที่ดินเราสามารถปลูกมะละกอขายได้ ถ้าเรามีที่ดินเราก็สามารถปลูกผักขายได้

                เงินมีอยู่รอบตัวเรา แม้แต่ขยะก็สามารถสร้างเงินได้  เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากสิ่งที่คนอื่นเขาทิ้งได้ เช่น เศษเหล็กต่างๆ เราก็สามารถนำมาสร้างเป็นหุ่นยนต์ขายได้  , เศษผ้าที่ไม่มีใครต้องการเราก็สามารถนำมาทำพรมเช็ดเท้า...ได้ และขยะอีกหลายตัวเราสามารถนำมาใช้ใหม่ได้
                จบ ป.5...ก็เป็นเศรษฐีได้...หลายคนมีความคิดว่าต้องเรียนสูงๆ ถึงจะสามารถเป็นเศรษฐีได้ แต่ความจริงไม่ใช่เลย การศึกษาไม่ได้ทำให้คนเป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี บางคนจบแค่ป.5...แต่คิดเป็น ขยัน...ก็สามารถร่ำรวยได้...มีธุรกิจเป็นหลายร้อยล้าน มีลูกน้องเรียนจบดอกเตอร์หรือปริญญาเอกอีกต่างหาก ดังนั้น การศึกษาไม่ได้เป็นตัวชี้วัดถึงความร่ำรวย

                อยาก รวย..ต้องไม่คอยวาสนา...คนร่ำรวยจะไม่เพ้อฝันถึงเรื่องโชคชะตา ดวง การพนัน การถูกหวย การชิงโชคต่างๆ ตรงกันข้าม คนจนเสียอีกที่มักคิดถึงแต่เรื่อง การถูกหวย การพนัน โชคชะตา วาสนา
                คิดใหม่...ทำใหม่...ดังนั้น ถ้าเรามีความคิดข้างต้นก็ขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่  ถ้าเราคิดแบบเก่าๆ ผลออกมาก็จะได้แบบเดิม แต่ถ้าเราคิดใหม่...ทำใหม่...ผลที่ได้รับก็จะแตกต่างจากเดิม