วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

นิสัยแห่งความสุข


นิสัยแห่งความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                คำว่า “ นิสัย ” จากพจนานุกรมไทย ฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ความประพฤติที่เคยชิน
ฉะนั้น “ นิสัย ” หรือ ความประพฤติที่เคยชิน มีผลมากต่อการมีความสุขของคนเราโดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีการแข่งขันสูง มีการบริโภคที่มากเกินความจำเป็น มีความอยากมากกว่าในอดีต ในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดถึง การสร้างนิสัยหรือความเคยชินอย่างไร ถึงจะทำให้เกิดความสุขในการใช้ชีวิต
                1.นิสัยขี้เล่น คนขี้เล่นมักเป็นคนมองโลกในแง่ดี อารมณ์ดี ไม่เครียด ผู้คนก็อยากอยู่ใกล้ชิด เพราะคนที่อยู่ใกล้ชิดจะได้ยิ้ม ได้หัวเราะ คนที่ขี้เล่นคนที่พบเห็นมักจะเกิดการจดจำและประทับใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรเล่นให้ถูกกาลเทศะ ไม่ควรเล่นจนเกินเลย การไม่รู้จักจังหวะของการเล่นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายได้
                2.ระวังติดสิ่งเสพติด  สิ่งเสพติดมีแบบชนิดผิดกฎหมายมีความรุนแรงและแบบไม่ผิดกฎหมายมีความไม่รุนแรง แต่ทั้งนี้ หากเรามีนิสัยที่ติดสิ่งเสพติด จะทำให้เรามีสุขภาพย่ำแย่ อีกทั้งกระทบกับเศรษฐกิจภายในครอบครัว การติดเหล้า การติดบุหรี่ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากใครเสพสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้ความสุขในชีวิตลงน้อยลง ท่านอาจจะทุกข์ทรมานในการรักษาโรคภัยที่เกิดจากสิ่งเสพติดเหล่านี้ได้
                3.รู้จักออกกำลังกายบ้าง การออกกำลังกายหากว่าได้ทำเป็นนิสัยก็จะช่วยให้สุขภาพจิต สุขภาพกายดี ท่านมีโอกาสเป็นโรคได้น้อยกว่าคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย อีกทั้งการออกกำลังยังช่วยหลั่งสารสุขที่ชื่อ เอ็นโดฟินส์อีกด้วย การออกกำลังกายที่ดี ควรออกกำลังประมาณ 20 นาทีต่อครั้ง จะทำให้เกิดความสดชื่นสบายใจได้
                4.การทำสมาธิ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการหลั่งของสารสุข ถึงแม้จะยากในตอนเริ่มต้น แต่หากท่านทำจนเป็นนิสัยแล้ว และเมื่อจิตท่านเป็นสมาธิแล้วท่านจะพบกับความสุขในการทำสมาธิ
                5.จงสร้างความสุขในการทำงาน หากว่าเราสามารถเลือกงานที่เราชอบได้ เราจะทำได้ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย แต่หากเราไม่ชอบงานที่ทำ สถานที่ทำงานก็เหมือนเป็นนรก จิตใจเราจะเกิดความเศร้าหมอง ไม่มีความสุขความสนุกในการทำงาน จงเลือกงานที่ตนรักแล้วท่านจะทำมันด้วยความสุข หรือตามหลักศาสนาพุทธ จงมีฉันทะในการทำงานแล้วท่านจะมีความสุขจากงานที่ทำอีกทั้งยังช่วยยกระดับจิตใจเราให้สูงขึ้นด้วย
                6.รู้จักพักผ่อนบ้าง  บางคนบ้างานที่ทำจนไม่มีเวลาพักผ่อน บางคนมีการพักผ่อนแต่พักผ่อนไม่ถูกวิธีโดยการไปเที่ยวกลางคืนจนดึกดื่น ไม่ยอมหลับยอมนอน การพักผ่อนจะทำให้ชีวิตเกิดความสุข ไม่ว่าจะทางด้านจิตใจ ทางด้านร่างกาย จงแบ่งเวลาให้กับตัวเองโดยการพักผ่อนบ้างหรืออย่างน้อย ท่านควรมีเวลาอยู่เงียบๆ  กับตัวเองอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง ก็จะทำให้ท่านได้มีเวลาสำหรับการใช้ความคิด ท่านอาจเกิดความคิดดีๆ ความคิดที่สร้างสรรค์ ความคิดในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้  การนอนหลับก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ท่านควรนอนหลับให้เพียงพอประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว แล้วแต่ความต้องการพักผ่อนของแต่ละคน
                7.ทานอาหารให้ครบหมู่และเหมาะสม  นิสัยการรับประทานอาหารมีความสำคัญในการดำเนินชีวิต เพราะปัจจุบัน การรับประทานอาหารของคนเรามักจะไม่สมดุล ไม่เหมาะสม บางคนแทบไม่ทานผักผลไม้ บางคนชอบทานแต่ของหวานจนเป็นโรคเบาหวานในที่สุด  บางคนชอบทานของเผ็ดๆ เค็มๆ จนเป็นโรคในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมครบ 5 หมู่
                8.แบ่งปันสิ่งที่ดีๆให้คนอื่นบ้าง หากว่าท่านมีเงินมากมาย มีเวลา มีความสามารถ มีโอกาส จงแบ่งปันสิ่งเหล่านี้แก่คนที่ไม่มีโอกาส คนที่ยากไร้ ท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องแบ่งปันเป็นเงินทองก็ได้ ท่านอาจแบ่งปันความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ให้คำแนะนำที่ดีๆ แก่เขา บางครั้งคนเราบางช่วงของชีวิตก็ต้องการคนที่ให้คำแนะนำ ปรึกษา เนื่องจากกำลังใจตกและไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร จงแบ่งปันสิ่งที่ดีให้แก่ผู้อื่น แล้วสิ่งที่ดีๆ ก็จะกลับมาหรือย้อนมายังท่าน
                บทส่งท้าย ต้องขอบคุณที่ทนอ่านบทความของกระผม กระผมเป็นคนชอบอ่าน ชอบศึกษา เรื่องของจิตวิทยา จึงได้นำบางส่วนมาถ่ายทอดเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับท่านผู้อ่าน ขอให้ทุกๆท่าน มีความสุขในการทำงานและดำเนินชีวิตครับ
               

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข


ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                คนเราเกิดมาในโลกนี้ ทุกคนต่างก็ต้องพบเจออุปสรรค ปัญหา ความทุกข์ ความสุข ความเศร้า ความเหงา ซึ่งอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ เป็นอารมณ์ของมนุษย์หรือปุถุชนที่ต้องพบเจอกัน แต่มนุษย์เราทุกๆคน ก็หวังที่จะมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่าชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ บทความฉบับนี้ เราจะมาพูดเรื่อง “ ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข ” ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ สามารถนำไปใช้ได้จริง เริ่มจาก
                1.หัดเป็นคนมองโลกในแง่ดี คนที่มองโลกในแง่ดีจะมีความทุกข์น้อยกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย “ โลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก ”  เป็นคำพูดของคุณขรรค์ชัย บุนปาน ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งเป็นคำพูดที่ให้แง่คิดที่ดี เพราะบางคนชอบแบกปัญหาเหมือนแบกโลก แต่แท้จริงแล้ว ปัญหาทุกปัญหามีทางออกและทางแก้ ดังนั้นหากอยากมีความสุข ขอให้พยายามมองโลกในแง่ดี
                2.ใฝ่ธรรมะ คนที่มีธรรมะในใจ มักมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่มีธรรมะ เพราะผู้ที่มีธรรมะเมื่อพบเจอปัญหาอุปสรรคต่างๆ มักจะมองโลกตามความเป็นจริง สามารถปล่อยวางได้ ทำใจได้ แก้ไขปัญหาได้อย่างเยือกเย็นกว่า หากต้องการพบความสุขที่ยั่งยืน เราควรใฝ่ศึกษาหาธรรมะ แต่ในความเป็นจริง คนส่วนหนึ่งมักใฝ่ศึกษาหาธรรมะตอนที่ตัวเองมีความทุกข์  เช่น บางคนอกหักก็เข้าวัด , บางคนมีปัญหาเรื่องการทำงานก็หาหนังสือธรรมะมาอ่าน , บางคนมีปัญหาชีวิตถึงกับบวชไปเลยก็มี แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าคนบางส่วน ที่มีทุกข์ หาทางออกไม่เจอก็ฆ่าตัวตายไปเลยก็มี
                3.ลด ละ เลิก อบายมุข ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติดประเภทร้ายแรงผิดกฎหมาย(ยาบ้า ฝิ่น เฮโรอิน กัญชา) หรือ ยาเสพติดไม่ร้ายแรงไม่ผิดกฎหมาย(บุหรี่ เหล้า เบียร์ ) การ ลด ละ เลิก อบายมุข จะทำให้ชีวิตมีความสุข อีกทั้งสุขภาพแข็งแรง ทั้งใจและร่างกาย ซึ่งยาเสพติดส่วนมากมักจะมีโทษมากกว่ามีประโยชน์ เมื่อเสพก็มักจะติด ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องการเสพมากขึ้น หากสามารถ ลด ละ เลิก อบายมุข ได้ก็จะทำให้ท่านลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น อีกทั้งไม่ต้องป่วยเป็นโรคต่างๆ
                4.ยิ้มและหัวเราะ การยิ้มและหัวเราะ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเงินลงทุน อีกทั้งมีประโยชน์มากๆกับผู้ที่ปฏิบัติ คนที่ยิ้มเก่งมักเป็นคนที่มีอารมณ์ดี เบิกบานแจ่มใส การหัวเราะก็เช่นกัน ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ศึกษาว่า คนที่หัวเราะเป็นประจำจะมีผลดีต่อระบบของหัวใจ ระบบของกล้ามเนื้อ  การยิ้มและการหัวเราะ จะทำให้มีเพื่อนมาก คนอยากคบค้าสมาคมมากกว่าคนที่เครียด หน้าบึ้ง ลองหัดยิ้มและหัวเราะทุกวัน ท่านจะพบความสุขมากขึ้นในการดำรงชีวิต
                5.รักษาสุขภาพ โดยยึดหลักทางสาธารณสุข 5 อ. อันได้แก่ 1.อาหาร 2.อากาศ 3.ออกกำลังกาย 4.อุจจาระ 5.อารมณ์ (1.อาหาร ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่   2.อากาศ ควรหาโอกาสในการนำเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในระบบหายใจมากๆ 3.ออกกำลังกาย ควรหาเวลาในการออกกำลังกายประมาณ 20-30 นาที ต่อวัน และ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง 4.อุจจาระ ควรขับถ่ายทุกวันในตอนเช้า ไม่ใช่ 5-6 วันครั้ง ก็จะทำให้สุขภาพย่ำแย่ สำหรับบางคนมีปัญหาเรื่องของระบบการขับถ่ายที่ไม่ดีเนื่องจากการรับประทานกากอาหารเข้าไปน้อยดังนั้นควรทานผัก ผลไม้ ให้มากขึ้น และ 5.อารมณ์ อย่าปล่อยให้อารมณ์เสียนานและบ่อยๆ เพราะทำให้เกิดภาวะความเครียดได้ )
                6.ใช้จ่ายอย่างประหยัด ในภาวะสังคมปัจจุบันเป็นยุคของสังคมที่เรียกว่า “บริโภคนิยม” ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แข่งขันกันบริโภคสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ทันสมัย ทำให้เกิดหนี้สินขึ้นมาอย่างมากมาย บางคนไม่มีเงินใช้หนี้ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นภายในใจ  การหาเงินเก่งไม่สำคัญเท่ากับการเก็บเงินเก่ง เนื่องจากบางคนมีเงินเดือน 100,000 บาทต่อเดือนแต่ใช้ไป 120,000 บาทต่อเดือน สู้คนที่หามาได้เดือนละ 9,000 บาท แต่รู้จักเก็บออมเงินได้เดือนละ 1,000 บาทไม่ได้
                 ฉะนั้น สุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ขึ้นอยู่กับแง่คิด ทัศนคติในการมองโลก อีกทั้งการประพฤติปฏิบัติของแต่ละบุคคล หากต้องการพบความสุขหรือหากท่านต้องการพบความทุกข์ ท่านไม่ต้องไปเที่ยวหาที่อื่นไกล ความสุขหรือความทุกข์ ท่านสามารถพบหรือสัมผัสได้จากตัวท่านเองทั้งสิ้น


















ฝึก

ฝึก ฝึกและฝึก
                บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าเรื่อง การทำงาน เงินทอง สุขภาพ จะต้องเป็นคนที่ต้อง ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ การฝึกฝนตนเองจะสร้างนิสัยที่ดีแก่ตัวเรา การฝึกฝนตนเองจะทำให้บุคคลผู้นั้นมีการพัฒนาตนเองขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฝึกฝนตนเองจะช่วยให้คนนั้นประสบความสำเร็จ ในตอนนี้เราลองมาดูกันว่าเราควรที่จะมีการฝึกฝนตนเองในเรื่องอะไรบ้าง
                1.ฝึกอ่านหนังสือทุกวัน การอ่านหนังสือมากจะช่วยให้ท่านเกิดแนวความคิดใหม่ๆ การอ่านหนังสือมากๆจะทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจ การอ่านหนังสือมากๆ จะทำให้ท่านค้นพบตัวตนของตัวเอง การฝึกอ่านหนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ท่านควรเริ่มต้นอ่านหนังสือในแนวที่ท่านชอบก่อน แล้วจึงเริ่มอ่านแนวอื่นๆให้มากขึ้น
                2.ฝึกเข้าอบรม สัมมนา การเข้าอบรม สัมมนาเป็นทางลัดที่จะนำท่านไปสู่ความสำเร็จ เมื่อท่านได้มีโอกาสไปอบรม สัมมนา ท่านจะได้รับความรู้ การแนะนำ เทคนิคต่างๆ จากวิทยากรที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรจัดเวลาให้แก่ตัวเองโดยหาโปรแกรมอบรม สัมมนา อย่างต่อเนื่อง
                3.ฝึกพูด การพูดมีความสำคัญต่อบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักเป็นคนพูดเป็น กล่าวคือพูดเก่งกับพูดเป็นไม่เหมือนกัน พูดเป็นคือ รู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จขอให้จงฝึกฝนการพูด ทั้งการฝึกพูดในลักษณะสนทนา การพูดคุยกัน และ การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชน
                4.ฝึกเขียน การเขียนเป็นการสื่อสารอีกประเภทหนึ่ง ที่ควรฝึกฝน หากท่านเขียนเก่ง ท่านมีโอกาสในการทำสิ่งต่างๆได้ มากขึ้น ท่านสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านตัวอักษรเพื่อให้คนได้ความรู้ ได้ข้อมูล อีกทั้งโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคข้อมูลสารสนเทศ ท่านสามารถนำสิ่งที่ท่านเขียนแล้วนำไปลงยังสื่อต่างๆ ได้มากกว่าในอดีต เช่น ลงตามอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น Facebook ,เว็บไซต์ต่างๆ , ฯลฯ
                5.ฝึกความคิด เมื่อเริ่มคิดก็จะเห็นความแตกต่างความห่างชั้นระหว่างผู้แพ้หรือผู้ชนะ ผู้แพ้เมื่อเริ่มคิดก็คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่ผู้ชนะเมื่อเริ่มคิดก็คิดว่าตนทำได้ จงพัฒนาความคิดหากว่าท่านต้องการความสำเร็จ พัฒนาความคิดให้คิดบวก คิดสร้างสรรค์ เมื่อท่านเจอปัญหาและอุปสรรค ท่านจะมีทางออก แต่หากว่าท่านคิดลบหรือคิดในแง่ร้าย เมื่อเกิดปัญหาและอุปสรรค ท่านก็จะก้าวข้ามได้ยาก
                6.ฝึกเข้าสังคม สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ นกไม่มีขน คนไม่มีพวก ขึ้นสู่ที่สูงได้ยาก ” การเข้าสังคม การเข้าประชุม เพื่อไปพบปะผู้คนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้าง Network เป็นสิ่งที่ควรทำ สำหรับผู้ต้องการความสำเร็จไม่ว่าจะอยู่ในวงการใด การเข้าสังคมเป็นการสร้างสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน อีกทั้งเมื่อเกิดปัญหาก็ยังสามารถช่วยเหลือ ขอคำแนะนำกันได้
                7.ฝึกความเข้มแข็งทางด้านจิตใจและร่างกาย ความเข้มแข็งของจิตใจและร่างกายเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ปัญหาอุปสรรค เมื่อร่างกายอ่อนแอเป็นโรคต่างๆ ก็จะทำให้จิตใจอ่อนแอตาม หรือ หากท่านเป็นคนอ่อนแอทางด้านจิตใจ เมื่อเจอปัญหาอุปสรรค ท่านก็จะจมอยู่กับกองทุกข์ ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนแอไปด้วย ฉะนั้น ควรฝึกฝนความเข้มแข็งทางด้านร่างกาย โดยการออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ สำหรับการฝึกฝนความเข้มแข็งทางด้านจิตใจท่านควรฝึกฝนพัฒนาจิตใจของตนเอง เช่น การฝึกสมาธิ การฝึกสติ การฝึกการควบคุมอารมณ์ต่างๆ ฯลฯ
                และยังมีการฝึกฝนตนเองอีกหลายด้าน หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ เช่น การฝึกความจำ การฝึกฝนความเชื่อมั่นในตนเอง การฝึกฝนความกล้าหาญ การฝึกฝนความขยันขันแข็ง เป็นต้น
                ท้ายนี้กระผมหวังว่า บทความนี้จะได้ให้แง่คิดแก่ท่านผู้อ่านในเรื่องการพัฒนาตนเอง อีกทั้งท่านสามารถนำไปฝึกฝนและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป            









พลังแห่งชีวิต

พลังแห่งชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีพลังต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้กระผมขอเรียกว่า “พลังแห่งชีวิต” พลังแห่งชีวิตมีด้วยกันหลายด้าน เช่น
-                    พลังแห่งความคิด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักเป็นคนที่มีความคิดที่ดี คิดบวก คิดในเชิงสร้างสรรค์
แต่ตรงกันข้ามบุคคลที่ล้มเหลว มักเป็นบุคคลที่คิดลบ เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ร้าย เมื่อมองโลกในแง่ร้าย  บุคคลผู้นั้นก็มักจะไม่กล้าที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตจงคิดดี คิดบวก เมื่อเราเปลี่ยนความคิดชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนแปลง
-                    พลังแห่งอารมณ์ อารมณ์ของคนเราทำให้เรา มีพฤติกรรมต่างๆ คนที่มีอารมณ์โกรธ อารมณ์โมโห อารมณ์
ร้าย หน้าตามักไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใส ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่คนที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สดชื่น มักเป็นคนที่หน้าตาแจ่มใส เมื่อมีอารมณ์ดี ความคิดก็จะออกมาดีด้วย ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีอารมณ์ ห่อเหี่ยว อารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า วิตกกังวล ควรรีบเปลี่ยนความคิด
-                    พลังแห่งการพัฒนาตนเอง เป็นพลังของคนที่ประสบความสำเร็จใช้ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้จากการอ่านมากๆ ฟังวิชาการมากๆ เข้าอบรมสัมมนามากๆ เข้าสังคมดีๆ เพื่อหาเครือข่าย การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จขาดไม่ได้
-                    พลังแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักเกิดจากการหาต้นแบบหรือหาแรง
บันดาลใจจากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากแม่ บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากครู  บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากนักธุรกิจชื่อดัง เป็นต้น หรือ แรงบันดาลใจอาจเกิดจากความต้องการภายในของตนเองอย่างแท้จริง กล่าวคือ คนบางคนต้องการเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก หรือ บางคนต้องการเป็นนักพูดอันดับหนึ่งของเมืองไทย เป็นต้น
-                    พลังของคำพูดและพลังของการเขียน เมื่อท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจำเป็นต้องเขียนเป้าหมายหรือ
พูดบอกเป้าหมายที่ท่านต้องการสำเร็จในชีวิต แก่คนอื่นๆ เพื่อให้คนอื่นได้รับทราบถึงเป้าหมายของตนเอง  พลังของคำพูดและพลังของการเขียนยังรวมไปถึงการต้องรู้จักพูดบวก การพูดบวก เช่น ฉันเป็นคนเชื่อมั่น ฉันทำได้ ฉันเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด ฉันมีสุขภาพแข็งแรง การพูดบวกจะเป็นการโปรแกรมสิ่งที่ดีๆ  ฉะนั้นจงพูดบวก เขียนบวก แล้วจงอ่านประโยคนั้นๆ ด้วยการออกเสียงดังๆ เพื่อให้ข้อความและคำพูดเข้าไปในสมอง
-                    พลังแห่งแรงดึงดูด เป็นพลังของการดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน และสิ่งที่ตรงข้ามกันออกจากกัน เช่นน้ำ
กับน้ำมัน เข้ากันไม่ได้ฉันใด คนที่มีความแตกต่างกันก็มักจะไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ความคิดของเราก็เช่นกัน หากท่านคิดในสิ่งที่ดีๆ คิดบวก สิ่งที่ดีๆก็จะเกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านคิดลบหรือคิดสิ่งที่ร้ายๆ สิ่งต่างๆที่ร้ายๆก็จะดึงดูดมาหาท่าน
แต่คนเราโดยมากมักคิดลบมากกว่าคิดบวก อีกทั้งยังจดจำประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้ายมากกว่าประสบการณ์ที่ดีๆ ฉะนั้นจงฝึกคิดบวกบ่อยๆ แล้วจิตใต้สำนึกก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดของเราให้คิดบวกมากขึ้น
-                    พลังแห่งการกระทำ เป็นพลังที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากหากขาดการกระทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะไม่เกิด
การเปลี่ยนแปลงขึ้น เราคงเคยไปอบรมหลักสูตรต่างๆ แต่กลับมาแล้วไม่ได้นำสิ่งที่อบรมมาลงมือกระทำ พฤติกรรมต่างๆของเราก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จงลงมือปฏิบัติ จงลงมือกระทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เมื่อคุณลงมือปฏิบัติชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
                พลังแห่งชีวิตที่กล่าวในข้อความข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ลงมือปฏิบัติ ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ พลังแห่งชีวิตจะปรากฏขึ้น หากว่าท่านมีความต้องการและแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกระทำ เมื่อความคิดเปลี่ยน การกระทำเปลี่ยน ชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลง จงลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในภายหน้า