วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กฎ 20/80 ของพาเรโท

กฎ 20/80 ของพาเรโท
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                กฎ 20/80 ถูกคิดค้นขึ้นโดย วิลเฟรโด พาเรโท ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน เมื่อปี 1895 โดยขณะนั้นเขากำลังทำวิจัยเพื่อค้นคว้าหาสูตร การกระจายความมั่งคั่งในประเทศอิตาลี เขาค้นพบว่า บุคคลที่ได้ชื่อว่ามั่งคั่งมีจำนวนแค่ 20 % ของประชากร แต่มีทรัพย์สินเงินทองถึง 80 %
                ต่อมา Dr Juran นักคิดทางด้าน Quality Management ได้นำหลักการนี้ไปใช้แล้วได้ผลเป็นอย่างดี จึงได้เรียกว่า “กฎ 80/20 ” หรือ กฎของพาเรโท อีกทั้งมีนักวิชาการจำนวนมากได้พิสูจน์ ทดลองแล้วยืนยันว่า กฎ 20/80 ของพาเรโท นั้นสามารถนำเอาไปใช้ได้ โดยมีการอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
                80 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้หรือยอดขายทั้งหมดของบางบริษัท เกิดจากสินค้าจำนวนแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขาย มาจากพนักงานขายแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ในทางกลับกัน
                80 เปอร์เซ็นต์ ของพนักงานขาย สร้างยอดขายได้เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
                80 เปอร์เซ็นต์ ของปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เกิดจากนักเรียนเพียงจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของยอดการสั่งซื้อทั้งหมดนั้นมาจากลูกค้ารายใหญ่เพียงแค่  20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของเสื้อผ้าที่เรามีอยู่ เรามักไม่ได้สวมใส่ แต่ในทางกลับกันเราใส่แค่เสื้อผ้าอยู่จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่เรารับโทรศัพท์ มักมาจากกลุ่มคนที่โทรศัพท์เข้ามาเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่ดินทั้งหมด มักถือครองโดยคนส่วนน้อยเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ ของรางวัลในการแข่งขันประเภทต่างๆ เช่น กีฬา ดนตรี ประกวดร้องเพลง มักเป็นของคนเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
                80 เปอร์เซ็นต์ของเวลาในการทำงานแต่ละวัน เราได้ผลลัพธ์เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์
                การประยุกต์ กฎ 20/80 ของพาเรโท จึงมีความสำคัญเพราะกฎนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การบริหารเวลา , การบริหารลูกค้า , การบริหารสินค้าคงคลัง , การบริหารธุรกิจ , การพัฒนาตนเอง เป็นต้น
เช่น
-                     หากเราพบว่า สินค้าแค่  20 เปอร์เซ็นต์ หรือ  สินค้าแค่ 2 ใน 10 เป็นสินค้าที่ขายดี เราจะทำอย่างไรถึงจะช่วย
ส่งเสริม พัฒนา ให้สินค้า 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2 ใน 10 ชิ้น นั้น ให้เกิดการขายดียิ่งขึ้นหรือทำกำไรให้ได้ดียิ่งขึ้น
-                    หากเราพบว่า มีลูกค้ารายใหญ่เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด สั่งซื้อสินค้าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เราจะ
ทำอย่างไรกับลูกค้ารายใหญ่นั้น เพื่อเพิ่มยอดการสั่งซื้อให้มากขึ้นอีก
                ดังนั้น จงให้ความสำคัญกับ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่มีคุณค่าสูงของการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้ท่านได้ผลลัพธ์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์  แล้วท่านก็จะความประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
               
               
               



วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จ

พัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในการทำงาน มักจะเป็นคนที่มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง การพัฒนาตนเองจะช่วยให้บุคคลคนนั้นก้าวไปข้างหน้าได้ไกลกว่าคนที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง ซึ่งท่านสามารถพัฒนาตนเองได้ดังนี้
                1.อ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านจะทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะ จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ใหม่ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของความคิด การตัดสินใจ ท่านสามารถปลูกฝังการอ่านได้โดยลำดับแรกคือ จงเลือกอ่านหนังสือที่ท่านชื่นชอบก่อนแล้วจึงขยายการอ่านไปยังศาสตร์ความรู้แขนงอื่นๆ , การเข้าร้านหนังสืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้ท่านได้รับบรรยากาศและเกิดความอยากอ่านหนังสือเนื่องจากมีหนังสือใหม่ๆออกสู่ตลาดทุกๆวัน , การเข้าห้องสมุดประชาชน เข้าห้องสมุดสถานศึกษาก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศในการอ่านได้เป็นอย่างดี
                2.การจัดสรรเวลาหรือการบริหารเวลา ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ มักเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาเป็น บริหารเวลาเป็น ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า การบริหารเวลาที่ดีควรให้มีความสมดุลกับชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละบุคคลอาจมีการใช้เวลาที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายปัจจัย
                3.รักษาสุขภาพอยู่เสมอ จะไม่มีประโยชน์เลยหากว่า เราประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน มีเงินมากมายมหาศาล แต่เรามีความเครียดตลอดเวลา ไม่มีความสุขในชีวิต เป็นโรคต่างๆ การรักษาสุขภาพร่างกายจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เราควรแบ่งเวลาสำหรับเรื่องของสุขภาพ เช่น แบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย , แบ่งเวลาสำหรับไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี , แบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อน , แบ่งเวลาสำหรับการไปท่องเที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น
                4.สร้างเป้าหมายสำหรับชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้า มักเป็นคนที่มีเป้าหมาย รู้ว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร ไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามดวงหรือโชคชะตา เมื่อเขามีทิศทางมีเป้าหมายเขาก็จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายด้วยความกระตือรือร้น ดังนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจะต้องค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ ต้องรู้ว่าเราชอบอะไร เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด
                5.กล้าที่จะล้มเหลว คนที่เจริญก้าวหน้าในชีวิตและประสบความสำเร็จ เวลาทำงานมักจะต้องเจอความผิดหวัง ความผิดพลาด ความล้มเหลว หากท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านโปรดอย่าได้กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เราจะต้องควรได้รับและประสบ อีกทั้งทุกความล้มเหลวจะทำให้เราเกิดความเข้มแข็ง เกิดประสบการณ์ เกิดความแข็งแกร่งขึ้นภายในจิตใจ
                6.จงคิดในแง่บวกให้มากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดในแง่บวกมากกว่าในแง่ลบ เขาจะคิดถึงเป้าหมายในชีวิตมากกว่าคิดถึงแต่เรื่องของอุปสรรค ปัญหา การคิดในแง่ดี แง่บวก จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหา สิ่งเลวร้ายไปได้ หากว่าคุณชอบคิดในด้านลบอยู่บ่อยๆ ก็ขอจงให้นำเอาสิ่งที่ดีๆ เข้าใส่ไปในสมองแทนที่แล้วชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
                มนุษย์เราอาจเกิดมามีความแตกต่างกัน มีความไม่เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เรามีความเท่าเทียมกันในเรื่องของการพัฒนาตนเอง จงพัฒนาตนเองแล้วท่านจะมีความก้าวหน้าในชีวิต ในการทำงาน และประสบความสำเร็จได้

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปัญญามาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ

ปัญญามีมาก...แต่ใจเท่า...หัวไม้ขีดไฟ...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ในชั่วเวลาหนึ่งของชีวิตของผม ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับบุคคลหลากหลายประเภท เช่น นักธุรกิจบ้าง นักการเมืองบ้าง นักเขียนบ้าง ข้าราชการบ้าง ฯลฯ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมีทั้งบุคคลที่ประสบความสำเร็จและบุคคลที่ล้มเหลว
ทำให้เห็นความแตกต่าง
                บางคนมีปัญญามาก....แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ....กล่าวคือ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความคิดดีมาก แต่ขาดซึ่งความกล้าหาญในการทำงานใหญ่...
                บางคนเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต...แต่เป็นคนที่เดินแบบครึ่งๆกลางๆ แล้วหยุด ไม่ยอมเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ถึงเป้าหมาย....
                บางคนเจออุปสรรคนิดเดียว เจอปัญหานิดเดียว...ถึงกับถอดใจไม่ยอมทำงาน
                ถ้าหากว่าจะให้ผมเลือกระหว่าง “ ปัญญา กับ ใจ ” ผมขอเลือกใจ
                เพราะ ใจมีความสำคัญมากๆ ต่อความสำเร็จ เพราะถ้าหากเรามีปัญญาน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ใจเราสู้ไม่ถอย เราก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ แต่ในทางกลับกัน บางคนมีปัญญามาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ เมื่อเจอกับอุปสรรค เขาก็มักจะถอดใจกลัว ไม่กล้า เมื่อเจอกับปัญหานิดหน่อย เขาถึงกับต้องเป็นกังวล ทำให้ชีวิตเกิดความวิตกกังวลตลอดเวลา จนบางคนต้องกินยาแก้ปวดทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
                ดูอย่างคนที่ประสบความสำเร็จต่างๆในแวดวงธุรกิจซิ แล้วคุณจะเห็นว่า เขามีใจที่ยิ่งใหญ่ดังทะเล เจ็บเป็นเจ็บ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ใจถึง ใจสู้ไม่ถอย  ดังเช่น
-                    โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ นักธุรกิจใหญ่ของสหรัฐ ดำเนินธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล เมื่อถึงคราวที่จะล้มละลาย ก็ยังมี
ใจที่สู้ไม่ถอย มีความอดทน จนกระทั่งธุรกิจของเขากลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม ก็เพราะเขามีใจที่ยิ่งใหญ่  กล้าเสี่ยง กล้าที่จะต่อสู้กับเหตุการณ์ร้ายๆ
-                    ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจใหญ่ชาวอังกฤษ เจ้าของชื่อการค้า “เวอร์จิ้น” มีธุรกิจกว่า  360 บริษัท เขาทำธุรกิจ
ตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มทำนิตยสารตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนนักศึกษา แล้วขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ  เขาชอบผจญภัยและสร้างสถิติโลก  เช่น ทำลายสถิติการขับเรือเร็วข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก , ทำลายสถิติการเดินทางด้วยบัลลูนข้ามมหาสมุทรแอตแนติก เป็นต้น
-                    ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน โออิชิ จบชั้นมัธยมปีที่ 3 เริ่มทำงานโดยการแบกของ ค่าจ้างประมาณ 700 บาท แล้ว
จึงเริ่มลงทุนทำธุรกิจแผงหนังสือที่จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจซื้อตึกแถวต่างๆ จนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาได้ขยายธุรกิจไปยังการสร้างภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ชื่อ โออิชิ และขยายไปยังธุรกิจเครื่องดื่ม ชาเขียวโออิชิ
                บุคคลทั้งสามนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจ และถ้าหากเป็นคุณถ้าให้เลือกระหว่างการมีปัญญา กับ ใจ  คุณจะเลือกอะไร

ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน

ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ในชีวิตของคนๆหนึ่งมีงานวิจัยว่า เราจะใช้เวลาไปกับการทำงานเป็นจำนวนเท่าไร ผลปรากฏออกมาว่า เราใช้เวลาในชีวิตถึง 2 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน  ดังนี้ การทำงานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำให้ชีวิตมีความสุข มีความสนุก ไม่ใช้ทำงานไปด้วยความเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านควรมีความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการกล้าที่จะลาออกจากงานเดิมแล้วเปลี่ยนงานใหม่ไปทำงานที่ท่านรัก ท่านชอบ
                เวลาทำงานของคนโดยปกติมักจะอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมง แต่หากท่านต้องทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงละ ท่านจะทำอย่างไร
 โทมัส เอดิสัน แนะนำว่า “ จงสนุกกับงานนั้นๆ ” โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกได้ ก็ด้วยการสนุกกับงาน เขาทำงานอย่างสนุกบางวันทำงานถึง 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว  และในบางวันเขาทำงานอย่างสนุกจนกระทั่งต้องหอบ อาหาร เครื่องดื่ม ที่นอนไปในห้องทดลองเพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ทำงานอย่างสนุกบางวันท่านทำงานได้ถึงวันละ 16 ชั่วโมง ก็เพราะมีความสนุกกับการทำงาน การทำงานทำให้ท่านมีความสามารถหลายด้าน เช่น เป็นนักการเมือง นักเขียน นักพูด ข้าราชการ ครู อาจารย์ เป็นต้น
ซึ่งการทำงานให้มีความสนุกและเป็นสุขกับการทำงานนั้นสามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
                1.จงรักในงานที่ท่านทำ จงทำในงานที่ท่านรัก  ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ความรักในงาน ความชอบในงาน เป็นบ่อเกิดให้ทำงานนั้นๆ ได้ดีกว่าคนอื่น ได้มากกว่าคนอื่น ฉะนั้น จงหางานที่ท่านรักทำแล้วท่านจะเกิดความสนุกและมีความสุขในงานที่ท่านได้ทำ
                2.หากไม่สามารถหางานที่ตนเองรักทำได้ ก็จงทำใจรักงานในปัจจุบันที่ท่านทำ เสมือนหนึ่ง บางคนมีแฟนอยากที่จะแต่งงานกับคนๆนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เราจึงได้แต่งงานกับอีกคนหนึ่งซึ่งเราไม่ได้รักหรือชอบเขา แต่เมื่อมาอยู่กินเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็จงปรับตัวปรับใจ ทำใจให้รักเขา ชอบเขา มองแต่แง่ดีของเขา
                3.รู้จักบริหารเวลาให้เป็น เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเราต้องคำนึงถึงเรื่องของการบริหารเวลา  ควรใช้เวลาในการทำงานอย่างคุ้มค่า ควรเห็นคุณค่าของเวลา เพราะถ้าหากบริหารเวลาไม่เป็นก็จะทำให้งานการเสียหายได้  อีกทั้งคนที่บริหารเวลาเป็น มักมีความก้าวหน้าและเจริญเติบโตในหน้าที่การทำงาน
                4.สอดใส่ความกระตือรือร้นเข้าไปในการทำงาน คนส่วนใหญ่เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากทำ แต่คนที่ทำงานอย่างมีความสุขมักเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงาน ในการเรียนรู้งาน พร้อมที่จะทำงานที่มีความยากและท้าทายมากขึ้น
                5.กอบโกยสิ่งที่เกิดจากการทำงานในปัจจุบันให้มากขึ้น การทำงานใดทำงานหนึ่ง มักจะทำให้เราเกิดประสบการณ์ชีวิต ดังนั้น หากว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีและในแง่บวก เราจะมีความต้องการที่จะเรียนรู้และหา ประสบการณ์ ในการทำงานในปัจจุบันให้มากที่สุด  เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพส่วนตัวได้ในอนาคต
                                6.จงตั้งเป้าหมายในการทำงาน การทำงานที่ดีควรมีเป้าหมาย มีทิศทาง การมีเป้าหมาย มีทิศทางจะทำให้ผู้ที่ทำงานได้มีการประเมินตนเองมากขึ้น อีกทั้งมีความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
                ดังนั้น การทำงานอย่างมีความสุขและสนุกในการทำงาน  จะทำให้ท่านมีผลงานมากขึ้น มีความสุขในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้องค์กร บริษัท หน่วยงานของท่าน มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้า และเมื่อองค์กรต่างๆ มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าก็จะส่งผลให้ประเทศไทยของเรามีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย

คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ต้นไม้ใหญ่ในป่าลึก ที่มีความใหญ่โต แข็งแรง เติบโตได้ด้วยการผ่านการต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับต้นไม้อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ  แต่ต้นไม้ที่ถูกเอาใจใส่ รักษาเป็นอย่างดีด้วยมนุษย์กลับเติบโตและมีขนาดที่เล็กกว่า
                คนเราก็เช่นกัน คนที่เจริญเติบโต ก้าวหน้า ในอาชีพ  ร่ำรวย เงินทอง ก็เพราะมีการแข่งขันและต่อสู้กับคนอื่นๆ ทั้งจากการทำงานที่หนัก ทั้งจากการทำงานที่ยากลำบาก  “ จงทำงานแล้วท่านจะมีอำนาจ” เป็นคำกล่าวของอีเมอร์สัน เป็นคำพูดที่เป็นจริงมากทีเดียว
                หากว่าท่านผู้อ่านต้องการมือ แขน ขา ที่แข็งแรง ไม่มีวิธีอื่นใดเลย ท่านผู้อ่านจำเป็นจะต้องออกกำลังกาย หมั่นออกแรงอยู่เสมอ  แต่หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการเช่นนั้น จงมัดมันไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย  หลังจากนั้นไม่นานท่านจะพบว่า มือ แขน ขา ของท่านจะลีบไปเอง
                จงฝึกฝนตนเองท่ามกลางการแข่งขันที่สูง ไทเกอร์ วูดส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย ลูกครึ่งไทย-อเมริกา เป็นนักกอล์ฟระดับโลก เนื่องจากได้ร่วมแข่งขัน และมีคู่แข่งขันระดับโลก ไทเกอร์ วูดส์ จึงได้เป็นนักกอล์ฟที่มีอายุน้อยและประสบความสำเร็จ หากพวกเราลองคิดเสียใหม่ว่า หากไทเกอร์ วูดส์ เกิดในประเทศไทย อยู่ในประเทศไทย แข่งขันกีฬากอล์ฟเฉพาะในประเทศไทย ไทเกอร์ วูดส์ คงไปไม่ถึงระดับโลกได้ ฉะนั้น จงฝึกฝนและนำพาตนเองไปแข่งขันในท่ามกลางสนามที่มีการต่อสู้ มีการแข่งขันสูงแล้วท่านจะเติบโต พัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด
                สตีฟ จอบส์  คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย สตีฟ จอบส์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ เนื่องมาจากการต่อสู้ เขาก่อตั้งบริษัท Apple ร่วมกับเพื่อน จนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 1985 เขาถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น แต่เขากลับเดินหน้าสู้ต่อโดยการตั้งบริษัท NeXT มาแข่งกับ Apple แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สตีฟ จอบส์ เดินหน้าสู้ต่อไปโดยก่อตั้งบริษัท Pixar ในที่สุดเขาประสบความสำเร็จอย่างสูง จนบริษัท Apple ที่ไล่เขาออกกลับเชิญเขาเข้ามาเป็น CEO อีกครั้ง
                อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สำคัญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน อายุมากแล้ว แต่เขายังมีไฟที่จะทำธุรกิจหรือแสวงหาความฝันของตนเอง เช่น  ผู้พัน KFC หรือ ผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ เป็นคนบ้าอีกคนหนึ่งที่สู้ไม่ถอย  ปลดเกษียณจากงานประจำซึ่งเป็นทหารแล้วจึงคิดที่จะมาทำไก่ทอดขาย  ต้องเร่ขายสูตรไก่ถึง 1,009  คน ถึงมีนักธุรกิจที่ตัดสินใจซื้อสูตรไก่ทอดของเขา หาก ผู้พัน KFC ยอมแพ้ ไม่เดินหน้าสู้ต่อ โดยการไม่ยอมขายสูตรไก่ทอดให้คนที่ 1,009 พวกเราก็คงไม่ได้กินไก่ทอดที่อร่อยที่สุดในโลก
 เรย์ คร็อก  คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย เจ้าของลิขสิทธิ์ร้านแมคโดนัลด์   เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคไขข้อ เขาเคยเป็นทหาร เขาเคยเป็นพนักงานขับรถโรงพยาบาล เป็นนักดนตรีในวงออเคสต้า เป็นพนักงานขาย ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายถ้วยกระดาษ พออายุ 54 ปี เขายังมีความฝันในการประกอบธุรกิจโดยการไปซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ จากสองพี่น้องแมคโดนัลด์ แล้วขยายสาขาไปทั่วประเทศสหรัฐและอีกไม่นานได้ขยายสาขาไปทั่วโลก
เรย์ คร็อก ยังสร้างทฤษฏี  Q S C  โดยทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับร้านอาหารทั่วไปในขณะนั้นคือ
Q = Quality หมายถึงปรับปรุงคุณภาพ ทั้งอาหาร เครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
S =Service หมายถึง การบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย
C=Clean หมายถึง ความสะอาดไม่ว่าการแต่งกายของพนักงาน สินค้า  หน้าร้านต้องสะอาดเรียบร้อย
ดังนั้นเมื่อเราเข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์ เราจะพบกับ แฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ที่น่าทาน ความรวดเร็วในการส่งถึงมือลูกค้า ความสะอาดของร้าน
คนบ้าที่มีจิตใจเป็นนักสู้เหล่านี้ เป็นแค่บุคคลส่วนหนึ่งที่กระผมได้มีโอกาสนำเสนอในงานเขียนในครั้งนี้ ฉะนั้น หากท่านต้องการ ร่ำรวย ตำแหน่ง ชื่อเสียง หรือต้องการทำในสิ่งที่ท่านฝันไว้ จงสู้ไม่ถอย แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

อยากประสบความสำเร็จต้องมี Passion

อยากประสบความสำเร็จต้องมี  Passion
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
Passion คือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
                Passion มีความสำคัญมากต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลว  บางคนเคยบอกผมว่า เขาจะทำธุรกิจแต่มีเงินไม่มากจะทำอย่างไรดี กระผมเป็นนักอ่าน นักอบรม เคยเห็นบุคคลที่มีเงินน้อย แต่เขามี Passion เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้  เช่น
-                    ศุภกิจ  รุ่งโรจน์  เขาเล่าในงานอบรม สัมมนาว่า  หลังจากที่เขาไปเรียนและทำงานที่สหรัฐ แล้วกลับมา
เมืองไทยเขามีเงินติดตัวเพียงแค่เล็กน้อย แต่เขามีหัวใจที่จะทำธุรกิจ (Passion) เขาจึงได้ลงทุนทำธุรกิจ “ พิซซ่า ทูเดย์ พิซซ่าลอยฟ้า ”  ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท
-                    อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำชาวนาซี ประเทศเยอรมนี เขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่มี
การศึกษามากมาย แต่เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้นำประเทศ ( Passion) ในที่สุด เขาได้เป็นจริงๆ
-                    โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ เรียนจบแค่ประถมสี่ ก็ต้องออกจากโรงเรียน ไปเป็นลูกจ้างร้านจักรยานขณะมีอายุยังไม่
ถึงสิบห้าปี เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจซึ่งล้มลุกคุกคลานมาตลอด แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้(Passion) เขาได้รับสมญาว่า เป็นเทพเจ้าแห่งวงการค้าญี่ปุ่น   
-                    วอลท์ ดีสนีย์  เจ้าของสวนสนุกที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก  เขามีนิสัยรักศิลปะตั้งแต่เด็ก พออายุ 21 ปี เขาตั้งบริษัท
สร้างภาพยนตร์การ์ตูนกับเพื่อนๆ แต่ถูกพนักงานโกงเงินไปจนถึงขั้นล้มละลาย แต่ด้วยหัวใจที่มี (Passion) เขากลับมาสู้ใหม่ จนในที่สุด โลกต้องจารึกชื่อเขาไว้ว่าเป็นราชาภาพยนตร์การ์ตูนระดับโลก
                บุคคลตัวอย่างข้างต้น เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่มี Passion หรือมีใจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า ไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว หากให้ผมเลือกสองอย่างในการทำธุรกิจ คือ  มีเงินให้ กับ มีใจให้(Passion)  กระผมขอเลือกอย่างหลัง คือมีใจให้(Passion)    
                นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่ชาวสหรัฐ วิลเลี่ยม เจมส์ กล่าวว่า คนเราโดยทั่วไปใช้สมรรถภาพอันโดดเด่นของตนเองแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ดังนั้นเราสามารถนำเอาขุมทรัพย์ที่อยู่ในร่างกาย จิตใจ ความคิด มันสมอง ออกมาใช้ประโยชน์ได้อีกตั้งมากมาย
                จงเคารพตัวเอง จงเชื่อมั่นต่อตัวเอง จงสร้างความฝัน สร้างเป้าหมาย แล้วใช้หัวใจอันเด็ดเดี่ยวทำการบุกเบิก เข้าไปจนฝันนั้น เป้าหมายนั้น กลายเป็นจริง บุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาทำได้ เราก็ทำได้