วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บรรยาย การคิด



ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย หัวข้อ " การคิด " ณ กระทรวงการคลัง

การบริหารเวลา : การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ


การบริหารเวลา : การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
                ใช้เวลาเพื่อการทำงานเถิด....มันคือรางวัลแห่งความสำเร็จ....
                ใช้เวลาเพื่อการคิดเถิด....มันคือที่มาของพลังอำนาจ.....
                ใช้เวลาเพื่อการผ่อนคลายเถิด...มันคือเคล็ดลับแห่งความมีชีวิตชีวา....
                ใช้เวลาเพื่อการอ่านเถิด....มันคือรากฐานแห่งสติปัญญา....
                ใช้เวลาเพื่อการฝันเถิด....มันคือพาหนะที่นำไปสู่ดวงดาว
                ใช้เวลาเพื่อการสังเกต...เรียนรู้...อย่างกว้างขวางเถิด....
                วันเวลาสั้นเกินไปที่จะเห็นแก่ตัว....
                ใช้เวลาเพื่อการหัวเราะเถิด....มันคือดนตรีแห่งวิญญาณ...(บทสวดของชาวไอริช...)
                การใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จกับคนธรรมดาโดยทั่วไป มักมีความแตกต่าง   ซึ่งการใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จเขาจะมุ่งเน้นในการทำงานหรือการใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน  เป็นอันดับแรก เขาจะมีการวางแผนในการใช้เวลา เช่นเดียวกับศัลยแพทย์ชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้าผมจะต้องผ่าตัดผู้ป่วยโดยใช้เวลา 13  นาที ผมจะใช้เวลาวางแผนการผ่าตัด 3 นาที เหลืออีก 10 นาทีผมจะใช้เวลาในการทำการผ่าตัด”
                เราจะเห็นได้ว่าการวางแผนในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกทั้งการควบคุมตนเองก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
                “เกษตรกรชายคนหนึ่ง ตื่นมาแต่เช้าเพื่อที่จะออกไปขุดดินเพื่อปลูกผัก เขามีความตั้งใจมากว่าจะต้องขุดดิน ขึ้นแปลง เพื่อทำการปลูกผักให้เสร็จภายในวันเดียว  สวนผักของเขาอยู่ห่างไกลจากบ้านพักอาศัยที่เขาอาศัยอยู่ เขาจึงขับรถยนต์ ไปเติมน้ำมัน ระหว่างทางเขาขับรถยนต์ผ่านตลาดสด เห็นคนนำลูกไก่มาขาย เขาจึงคิดว่า แวะซื้อลูกไก่สัก 10 ตัว คงไม่ทำให้เสียเวลามาก ดังนั้นเขาก็จอดรถยนต์เพื่อลงไปซื้อลูกไก่  แล้วเขาก็ขับรถต่อไป เห็นร้านขายไม้กวาด เขาคิดว่าจะซื้อไปฝากภรรยา เขาจึงลงไปซื้อไม้กวาดมา 1 อัน แล้วเขาก็ขับรถต่อไป พอถึงปั๊มน้ำมัน เติมน้ำมันเสร็จ เขาเห็นคนนำผักผลไม้มาขาย เขาจึงตัดสินใจซื้อเพื่อนำไปเป็นอาหารมื้อเย็น จนถึงสวนของเขา ภายในสวน เขาเห็นบึงเล็กๆ มีน้ำเหลืออยู่จำนวนไม่มาก แต่ภายในบึงมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาคิดว่า เขาจะตักน้ำออกจากบึงแล้วเอาปลาออกจากบึง เพื่อนำไปเป็นอาหารเย็น 
                เราจะเห็นว่าเกษตรกรชายคนนี้ มีเป้าหมายและการวางแผนว่าจะออกไปขุดดิน ขึ้นแปลงเพื่อปลูกผัก แต่เอาเข้าจริงๆ มีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปกับเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ หลายๆคนอ่านแล้ว คงนึกขำตลกกับเกษตรกรชายคนดังกล่าว แต่หารู้ไม่ พวกเราส่วนใหญ่ก็มีพฤติกรรมไม่ได้แตกต่างไปจากเกษตรกรชายคนนี้มากนัก
                หลายๆคนมีเป้าหมายแล้ว มักจะเฉไฉ ไม่พยายามเดินตรงไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ หลายๆคนออกนอกเส้นทางไปเลยก็มี เพราะระหว่างทางมักมีสิ่งล่อ สิ่งเร้า เพื่อให้เราเดินออกนอกเส้นทางที่เราวาง การบริหารเวลาที่ดีก็เช่นกัน คนที่จะบริหารเวลาได้ดีจำเป็นอย่างมากจะต้องเป็นคนที่มีวินัย
                หลายๆคน มักบ่นว่าทำงานหนัก แต่หากพวกเราไปศึกษา วิเคราะห์ การใช้เวลาของเรา เราก็จะเห็นว่า เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ มากจนเกินไป จนลืมทำงานที่สำคัญที่สุดของเรา จึงทำให้เกิดผลลัพธ์น้อยมาก การทำงานหนักไม่ได้หมายถึงว่าคนๆนั้นจะประสบความสำเร็จ หากว่าการทำงานหนักและทำงานอย่างชาญฉลาดต่างหากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำจะเป็นการดีกว่า (โพธิสัตว์)

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ใจมีฝัน ใจมีหวัง ใจยังสู้


ใจมีฝัน ใจมีหวัง ใจยังสู้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                “ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา           โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ” เนื้อหาบางตอนของเนื้อเพลง “ ศรัทธา ”  ของวงหินเหล็กไฟ ยังก้องอยู่ในหัวใจของกระผม เมื่อกระผมรู้สึก ท้อแท้ หมดกำลังใจในบางช่วงของชีวิต
                หลายๆคนมีความฝัน แต่คนที่มีความฝันส่วนใหญ่มักไปไม่ถึงความฝัน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุคือ
                1.บางคนเป็นคนไม่มีเป้าหมายของชีวิต การมีเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เป้าหมายในชีวิตจะทำให้เราสามารถกำหนดทิศทางในชีวิตของเราได้ ว่าเราต้องการอะไรอย่างแท้จริง
                2.บางคนไม่มีวิธีการที่จะนำไปสู่ความฝัน เมื่อมีเป้าหมายในชีวิตแล้ว การวางแผน การกำหนดวิธีการเป็นขั้นเป็นตอน มีความสำคัญมากเพราะจะทำให้เราใช้เวลาในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน ปี ตามเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง
                3.บางคนไม่มีความหวังและไม่มีความศรัทธาในตนเอง หลายคนไม่มีความศรัทธาในตนเอง คิดว่าตนเองทำไม่ได้ คิดว่าตนเองเป็นเด็กต่างจังหวัดสู้เด็กกรุงเทพฯไม่ได้ หลายคนคิดว่าไม่ได้เรียนมาสูง หลายคนคิดว่าไม่มีทุน แต่ความจริงสิ่งต่างๆนั้น เป็นข้ออ้างทั้งนั้น เมื่อเรามีเป้าหมาย เรามีการวางแผนแล้ว เราจะต้องมีความเชื่อมั่นว่าเราทำได้
                4.บางคนไม่ยอมที่จะต่อสู้เพื่อได้ฝันนั้น หลายคนเมื่อมีปัญหา มักจะจดจ่ออยู่กับปัญหาหรืออุปสรรคเป็นเวลานานๆ  จนทำให้ตนเอง หมดกำลังใจหรือหมดพลังไป คนเราเกิดมาทุกคนย่อมมีปัญหา แต่อาจมีความแตกต่างในเรื่องที่ประสบพบเจอ ทั้งนี้คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะอดทน ต่อสู้ กับปัญหาต่างๆที่เขาได้เจอ
                5.บางคนเมื่อมีฝันแล้วไม่ยอมที่จะลงทุน หลายคนมีความฝันแต่ไม่กล้าที่จะลงทุน ความฝัน เป้าหมายในชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ หากคุณต้องการ คุณต้องยอมที่จะลงทุน ลงแรง เช่น คุณจะต้องย่อมลงทุนที่จะพัฒนาตนเอง คุณจะต้องย่อมลงทุนในการอ่านหนังสือ ฟังวิชาการ ไปอบรม คุณจะต้องยอมลงทุนในการทำมันสร้างมันให้เกิดขึ้น คุณจะต้องยอมลงทุนกับการเสียเวลาไปกับมัน
                สำหรับวิธีการที่จะนำเราไปสู่ความฝันให้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ท่านสามารถทำได้ดังนี้
                1.แสวงหาบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวคุณเอง  บางคนอยากเป็นนักร้องอย่างพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ คุณก็สามารถทำได้โดยการศึกษาวิธีการ ประวัติชีวิตของพี่เบิร์ด แล้วนำเอาเทคนิคต่างๆ ของพี่เบิร์ด มาใช้ , บางคนอยากจะเป็นนักเขียน ก็ลองค้นหาดูว่า ท่านชอบวิธีการเขียน ของใคร แล้ว นำแนวทางการเขียนของเขามาเป็นแบบอย่าง
                2.ฝึกพูดให้กำลังใจกับตัวเองในทุกๆวัน และทุกๆโอกาส เช่น ฉันทำได้ , ฉันเก่งที่สุด , ฉันมีความเชื่อมั่น, ฉันเต็มทีกับเป้าหมาย, ฉันยอดเยี่ยม ฯลฯ การพูดให้กำลังใจกับตัวเองทุกๆวัน จะทำให้ท่านเกิดพลังในการต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆ
                3.ฝึกเดิน ฝึกท่าทาง เลียนแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จ หากท่านลองสังเกตดูบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีท่าทางที่กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วมีพลัง ตรงกันข้ามกับบุคคลธรรมดาโดยทั่วไป มักมีท่าทาง ที่ไม่กระตือรือร้น เดินช้า ไม่มีความกระฉับกระเฉง ดังนั้น หากว่าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ท่านควรถอดแบบท่าทางการเดิน การยืน การพูดของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ  เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวของคุณเอง
                4.ฝึกคิดในแง่ดี แง่บวก ให้มากขึ้น หลายๆคน มีความคิดที่ลบอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนเองไม่เกิดความเชื่อมั่น และไม่กล้าที่จะสร้างสรรค์งานแปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขาจะมีความคิดที่บวกมากกว่าความคิดในเชิงลบ
                5.ฝึกฟังเพลง อ่านหนังสือ ฟังเทป ฟังการพูด ที่เกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจ ให้แง่คิด ซึ่งจะทำให้เราเกิดพลังในตนเองขึ้นมา เช่น ฟังเพลง ขออย่ายอมแพ้ ,  รางวัลแด่คนช่างฝัน , กำลังใจ , ฝันมีชีวิต , ความฝันอันสูงสุด หรือ ฟังเทปวิชาการของบันดาลนักพูดที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตในระดับที่สูง  เป็นต้น
                หากท่านมีความฝัน ท่านจำเป็นจะต้องมีความหวัง ท่านจำเป็นจะต้องต่อสู้ เพื่อไปให้ถึงฝัน สุดท้ายนี้กระผมเชื่อว่า ท่านทำได้อย่างแน่นอน ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในชีวิตและไปให้ถึงฝั่งฝันทุกๆคนครับ

               

โมติเวท : จงเรียนรู้ด้วยตนเอง


โมติเวท : จงเรียนรู้ด้วยตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายๆท่าน ไม่ได้มีโอกาสที่จะเรียนในระบบหรือบางคนก็เบื่อหน่ายต่อการเรียนในระบบ ซึ่งการเรียนในระบบมักบังคับให้ผู้เรียนต้องเรียนทุกวิชา ที่ทางโรงเรียนกำหนดให้ ทั้งๆที่ผู้เรียนบางคนไม่ชอบเรียนบางวิชาแต่ก็ต้องฝืนใจเรียน อีกทั้งการเรียนในระบบในหลายๆวิชา ไม่สามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ บุคคลที่ประสบความสำเร็จจึงมุ่งที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตนเอง
                เช่น โทมัส เอดิสัน เขาคิดค้นหลอดไฟฟ้าและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมายก็ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง เขาไม่ได้เรียนหนังสือในระบบมากมาย ตอนเรียนก็สอบได้ที่โหล่ จนพ่อและคุณครูต้องด่าเขาว่าเขาเป็นคนโง่ เนี่ยหากเราตั้งสมมุติฐานใหม่  หากว่า โทมัส เอดิสัน ได้เรียนจนจบถึงขั้นปริญญาตรี ทางวิศวกรรมศาสตร์ โลกก็คงมืดมิดอยู่ หลอดไฟฟ้าดวงแรกก็คงไม่เกิด แต่เขาเป็นคนชอบเรียนรู้ด้วยตนเอง เขาไม่เคยยอมแพ้ เขาจึงทุ่มเทเรียนรู้จากประสบการณ์ จากการทดลอง จากการลองผิดลองถูก จนเขาเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก
                2 พี่น้องตระกูลไรต์ ก็เช่นกัน เขาคิดและประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้ ซึ่งในขณะนั้นไม่มีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยใดสอนเกี่ยวกับการประดิษฐ์เครื่องบิน แต่ทั้ง 2 พี่น้อง ก็ช่วยการประดิษฐ์ จนเครื่องบินลำแรกได้เกิดขึ้น ก็เนื่องมาจากการเรียนรู้ด้วยตนเองของทั้ง 2 นั่นเอง
                สำหรับการทดลองหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก และ การทดลองประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลก ท่านไม่ต้องถามว่า เขาเหล่านี้ล้มเหลวกี่ครั้ง   ทั้งนี้ คงไม่ใช่ 10 ครั้ง 100 ครั้ง 200 ครั้ง แต่เป็น พันๆครั้งขึ้นไป นั่นแสดงให้เห็นถึงความอดทน ความไม่ย่อท้อของพวกเขา
                สำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เป็นยุคเทคโนโลยี เราสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้หลายๆทางเช่น การเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ต การอ่านหนังสือพิมพ์ การอ่านวารสาร การเรียนการศึกษาผ่านทางไกล การดูโทรทัศน์โดยเฉพาะรายการที่ประเทืองความรู้  
                ดังนั้น ในยุคปัจจุบันเราสามารถศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองได้ง่ายกว่าบุคคลในอดีต ซึ่งบุคคลในอดีตต้องคิดค้น ทดลอง ลองผิดลองถูกมากกว่าคนในยุคปัจจุบัน ฉะนั้น เมื่อ โทมัส เอดิสัน และ 2 พี่น้องตระกูลไรต์ สามารถสร้างความยิ่งใหญ่จากสิ่งประดิษฐ์ของเขาได้ คนในยุคปัจจุบันยิ่งทำสิ่งต่างๆได้ง่ายดาย  กว่าคนในยุคก่อน อีกทั้งคนในยุคก่อนไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี แต่คนในยุคปัจจุบันเรียนจบปริญญาตรีกันเป็นจำนวนมาก ฉะนั้น เราเรียนรู้ทั้งในระบบ อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองจากนอกระบบ เราจึงน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนในยุคก่อนๆ จริงไหมครับ
การศึกษาที่แท้จริง ก็คือการศึกษาด้วยตนเอง      

โมติเวท : ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย

โมติเวท : ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
-                    ราล์พ บันเช่ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ขณะที่ยังคงเรียนหนังสือ เขาเคยรับจ้างทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัย
-                    นอร์แมน วินเซนต์ พีล นักสอนศาสนาชื่อดังก้องโลก เคยเป็นลูกจ้างในร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
-                    เฮนรี่ ฟอร์ด มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คิดค้นรถยนต์คันแรกของโลก มีโอกาสเรียนเพียงแค่ระดับมัธยม
-                    สตีฟ จ็อบส์และบิล เกตส์ มหาเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ เรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป
-                    โทมัส เอดิสัน เคยถูกพ่อและคุณครูด่าว่าเป็นเด็กที่โง่ เมื่อเรียนหนังสือในโรงเรียนก็สอบได้ที่โหล่อยู่เป็นประจำ แต่ในที่สุด เขาเป็นนักประดิษฐ์และนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก เขาคิดค้นหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลกได้
-                    โทมัส มานน์ นักประพันธ์เอกระดับโลก ก็เรียนไม่เอาไหนเมื่อตอนที่เขาเด็กๆ
-                    ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน โออิชิ ตอนนี้อาจเปลี่ยนเป็น อิชิตัน  เขาก็ไม่ได้เรียนจบสูง อีกทั้งเขายังให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่เขาก็สามารถร่ำรวยได้ และสร้างอาณาจักรของตนเองได้
-                    เจ้าสัวธนินท์ เจียรนนท์ ก็ไม่ได้เรียนจบสูง แต่ก็มีลูกน้องจบปริญญาเอกมากมายที่ช่วยทำงาน จนสร้างอาณาจักรและบริหารบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งบริษัทในเครือจนโด่งดังไปทั่วโลก
                บุคคลดังกล่าวข้างต้น เคยทำงานที่ต่ำต้อย หลายๆคนไม่มีการศึกษาหรือจบการศึกษาที่สูงเลย แต่เขาเหล่านี้ก็
สามารถประสบความสำเร็จ ดังนั้น หากตอนนี้ ท่านทำงานในหน้าที่ที่ต่ำต้อย ไม่ได้จบปริญญาตรี ท่านก็สามารถนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นแบบอย่างได้
                ในตอนนี้ชีวิตหลายๆ คนอาจมืดมน มีตำแหน่งหน้าที่การงานสู้เพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันไม่ได้ แต่ในอนาคต ใครจะไปทราบ ท่านอาจเป็นคนหนึ่งที่เป็นมหาเศรษฐีก็เป็นได้  เพราะว่าวันนี้อาจจะร้าย พรุ่งนี้อาจจะดี ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
              การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่จำเป็นจะต้องจบการศึกษาที่สูง ไม่จำเป็นจะต้องทำงานที่ต่ำต้อยเหมือนในปัจจุบัน เพราะท่านสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้  ความสำเร็จ ชื่อเสียง ความมั่งคั่ง หากว่าท่านสามารถทำได้ด้วยตนเอง ท่านจะเกิดความภาคภูมิใจมากกว่า การที่ท่านร่ำรวยมาแต่กำเนิด เพราะท่านจะเห็นคุณค่าของมัน ก็เนื่องจากท่านหามันได้ทำมันได้ด้วยความยากลำบาก สรุปคือท่านสามารถประสบความสำเร็จได้ดังบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายในโลกนี้  ขอให้ท่านโชคดี