วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทความ พัฒนาตนเอง


ปลุกศักยภาพในตัวคุณ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                มนุษย์เราเกิดมาบนโลกนี้มีร่างกายเหมือนกัน ยกเว้นคนพิการ แต่มนุษย์เรามีศักยภาพไม่เหมือนกัน คนพิการบางคนมีศักยภาพมากยิ่งกว่าคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ก็มีให้เห็นมาแล้ว   อะไรเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์เรา  เกิดการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพราะหากว่าเราทราบ  เราก็จะสามารถปลุกมันออกมาใช้งานได้
                ก่อนอื่นเรามาดูความหมายของคำว่า “ ศักยภาพ ” กันก่อน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า “ ศักยภาพ ” คือ ภาวะแฝง,อำนาจหรือคุณสมบัติที่มีแฝงอยู่ในสิ่งต่างๆ อาจทำให้พัฒนาหรือให้ปรากฏเป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้ เช่น เขามีศักยภาพในการทำงานสูง น้ำตกขนาดใหญ่มีศักยภาพในการให้พลังงานได้มาก เป็นต้น
                มนุษย์มีพลังแฝงกันทุกๆคน แต่คนส่วนใหญ่ในโลกน้อยคนนักที่จะปลุกมันออกมาใช้งาน หรือสร้างมันขึ้นมา ตรงกันข้ามคนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ปลุกพลังแฝงออกมาใช้งาน ในตอนนี้เราจะมาเรียนรู้ หลักการเพื่อที่จะได้นำเอาไปปฏิบัติ หลักการบางประการที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในการปลุกศักยภาพมีดังนี้
                1.จงสร้างเป้าหมายขึ้นมาในชีวิต คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ มักดำเนินชีวิตไปตามเวรตามกรรม ไม่ทราบว่าตนเองต้องการอะไร ตนเองชอบอะไร ตนเองเกิดมาเพื่อที่จะทำสิ่งใด หรือ ไม่ทราบว่าตนเองทำสิ่งนั้นแล้วเกิดความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่มนุษย์เราในโลกนี้ กลับดำเนินชีวิตอย่างไม่ค่อยมีความสุข เรามักจะเห็นคนจำนวนมากพร่ำบ่นถึงเรื่องงานที่หนัก เครียด เบื่อ อยากที่จะเปลี่ยนงาน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น คือ เราไม่มีเป้าหมายในชีวิต เราไม่รู้ว่าทิศทางของชีวิตจะไปหนทางไหน เปรียบเสมือน เรือที่ลอยอยู่กลางทะเล ไม่มีเป้าหมายว่าจะไปทิศทางไหน ดังนั้น หากท่านต้องการเพิ่มศักยภาพในตัวท่าน กระผมขอให้ท่านจงเริ่มกำหนด เป้าหมายของชีวิตไว้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จงหาเป้าหมายที่ท่านต้องการจริงๆในชีวิต จงหาความต้องการที่แท้จริงของตนเอง
                2.จงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า มีคนหลายคนเคยถามกระผมว่า เขาก็มีเป้าหมายในชีวิตแล้ว แต่ทำไม ถึงไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็ตอบเขาไปว่า “คุณขาดความปรารถนาอย่างแรงกล้า” เพราะหากท่านมีความต้องการอยากจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้จริงๆ ท่านก็จะคิดถึงมันตลอดเวลา ท่านจะฝันถึงมันตลอดเวลา ท่านก็จะหาวิธีการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตนเองได้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้  ผมขอเปรียบเทียบ หากว่าท่านต้องการที่จะขับรถจากกรุงเทพไปภูเก็ตในเวลากลางคืน ท่านไม่เห็นภูเก็ต แต่ไฟด้านหน้ารถส่องไปได้แค่ไม่เกิน 200 เมตร แต่เป้าหมายของท่านคือภูเก็ต ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไปภูเก็ตให้ได้ รถก็จะพาท่านเคลื่อนไปจนถึงภูเก็ตในที่สุด  ดังนั้น หากท่านต้องการไปถึงเป้าหมายจงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อเป้าหมายที่ได้วางไว้ จงหมกมุ่นต่อเป้าหมายนั้น
                3.ปลุกพลังในตัวคุณอยู่ตลอดเวลา หลายคนมีเป้าหมาย มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้ว แต่เมื่อลงมือทำงานเพื่อไปตามความฝันตนเอง เวลาเกิดปัญหา เกิดอุปสรรค มักท้อแท้ ท้อถอย ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรหล่อเลี้ยงกำลังใจของตนเองตลอดเวลา เช่น ท่านต้องหมั่นคิดบวก พูดบวก กับตนเองบ่อยๆ , ฝึกจินตนาการถึงความสำเร็จบ่อยๆ ,ฝึกสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นต้น
                ท้ายนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเกิดผลลัพธ์ กระผมจึงขอแนะนำให้ท่านทำแบบฝึกหัดดังต่อไปนี้
1.               จงเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร มีการกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน เขียนรายละเอียดต่างๆ ลงไปในกระดาษหรือสมุดบันทึก
2.               หมั่นทบทวนเป้าหมายบ่อยๆ  ท่านอาจนำรูปภาพสิ่งต่างๆ ที่ท่านต้องการ โดยตัดภาพนั้นแล้วติดตามห้องที่ท่านสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเป็นประจำ
3.               หมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง โดยเข้ารับการอบรม อ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย สัมมนา เพื่อที่จะได้นำเทคนิคต่างๆ ไปใช้ได้


วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ค้นให้พบโอกาสทองที่ซุกซ่อนอยู่


ค้นให้พบโอกาสทองที่ซุกซ่อนอยู่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ในโลกนี้ เต็มไปด้วยโอกาส..... โอกาสที่จะสร้างความร่ำรวย โอกาสในการสร้างความสำเร็จ โอกาสในการสร้างความโด่งดัง ทุกสาขาอาชีพย่อมมีโอกาสทองซุกซ่อนอยู่
                สตีฟ จอบส์ สร้างโอกาสทองในการค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
                สมคิด ลวางกูร สร้างโอกาสทองจากตัวหนังสือโดยการเขียนหนังสือ จนร่ำรวยมหาศาล
                เถ้าแก่น้อย(ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ) สร้างโอกาสความร่ำรวยมาจากสาหร่ายทะเล
                ตันโออิชิ สร้างโอกาสร่ำรวยและชื่อเสียงมาจาก ชาเขียว
                อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ร่ำรวยมาจากงานศิลปะ งานวาดรูป
                 บุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ มักเป็นบุคคลที่มีความคิดและได้ค้นพบโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความร่ำรวย เพราะในทุกปัญหา ทุกวิกฤต ทุกความผิดพลาด ย่อมมีสิ่งที่ดีและโอกาสเสมอ
                ใครที่สามารถมองเห็นโอกาสในปัญหาได้ คนๆนั้นย่อมพบกับโอกาสในความก้าวหน้า ความร่ำรวย ชื่อเสียงต่างๆ จงค้นหาโอกาสโดยค้นหาอัจฉริยภาพในตัวคุณ ดังต่อไปนี้
                1.ความรัก ความชอบ คนที่ประสบความสำเร็จเป็นอันมาก มักทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก ตนเองชอบ แม้ว่าการทำงานนั้นจะไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยแม้แต่บาทเดียวก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงทำมันต่อไปโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
                2.จงค้นหาพรสวรรค์  ให้เจอ คนบางคนมีพรสวรรค์ ติดตัวมา มักจะทำอะไรได้ดีกว่าคนที่ไม่มีพรสวรรค์ เช่น บางคนวาดรูปเก่งมาก ในขณะที่คนส่วนมากพยายามเรียนวาดรูปโดยความพยายามอย่างไร แต่ก็ยังมีฝืมือเทียบกับคนที่มีพรสวรรค์ไม่ได้ จงค้นให้พบความสามารถ พรสวรรค์ในตัวของท่าน แล้วท่านจะค้นพบโอกาสทองต่างๆอีกมากมาย
                3.จงพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โลกนี้เต็มไปด้วยโอกาส สำหรับบุคคลที่ต้องการมันอย่างแท้จริง สินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ใหม่ๆ มักเกิดขึ้น จากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้คน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ๆ ท่านจงใช้และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น ซึ่งความคิดสร้างสรรค์โดยส่วนตัวของผม มันไม่ใช่พรสวรรค์ แต่มันเป็นเรื่องของพรแสวง การได้รู้จักพัฒนาทักษะ การฝึกฝน เรียนรู้ คนทุกคนก็สามารถมีความคิดสร้างสรรค์ได้ หากท่านมีความต้องการมันอย่างแท้จริง
                4.ไปอบรม ไปสัมมนาและงานแสดงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเรา การไปอบรม การไปสัมมนาและการไปงานแสดงต่างๆ ในวงการที่เราทำงานอยู่ จะทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ๆ ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ และที่สำคัญจะทำให้เราได้รับโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานและการสร้างงาน        
                5.จงเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ เคล็ดลับของความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จบางท่านบอกไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพียงแต่เราต้องค้นให้พบว่าเรามีอะไรดีในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ สินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ที่เรามีอยู่ แล้วส่งมอบสิ่งเหล่านั้นให้แก่โลก แล้วโลกก็จะตอบแทนเรา เช่น เราส่งมอบสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ที่ดีที่สุดให้แก่คนในโลก แล้วเขาก็จะตอบแทนเราด้วย เงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ เป็นต้น
                สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เป็น ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จใน การทำงาน การแสวงหาโอกาสที่ซุกซ่อนอยู่ เพื่อทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น กระผมขอยกตัวอย่างเพิ่มเติม เป็นตัวอย่างของนายสตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ซึ่งกระผมชื่นชอบบุคคลผู้นี้มาก
                Steve Jobs ก่อตั้งบริษัท Apple ตั้งแต่ยังหนุ่ม ทั้ง ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยและได้ลาออกมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างบริษัท Apple จนยิ่งใหญ่ จากการทำงานครั้งแรกที่โรงรถมากลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ และด้วยการเป็นนักที่สร้างโอกาสทอง เขาจึงได้คิดค้น สินค้าตระกูล I  เช่น IMac , IBook , IPod ,IPhone ,IPad ฯลฯ
                การคิดค้นสินค้า บริการ ผลิตภัณฑ์ ก็เข้าหลักการข้างต้นที่กระผม กล่าวถึง คือ เขาทำมันด้วยความรัก ความชอบ , เขาทำมันด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ , เขาทำมันด้วยความคิดที่จะเป็นผู้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าหรือผู้บริโภค
จงหาโอกาสให้พบแล้วและจงทำงานอย่างมีความสุขในโอกาสที่ค้นพบเหล่านั้น
               



จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ


จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                ชีวิตของคนบางคนมักเจอแต่เรื่องที่ล้มเหลว มีแต่เรื่องเศร้า มีแต่ปัญหา จนท้อแท้ใจ จนหมดกำลังใจ หากชีวิตของท่านเป็นเช่นนั้น จงสร้างกำลังใจให้แก่ตนเอง ด้วยการ สร้างแรงบันดาลใจจากการอ่าน การฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแรงบันดาลใจ เช่น ประวัติส่วนตัวของผู้ประสบความสำเร็จ,การต่อสู้ของสัตว์แต่ละชีวิตเพื่อที่จะเอาตัวรอด เป็นต้น
                จงอ่านทุกๆวัน แล้วชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ท่านจะมีกำลังใจมากขึ้น ท่านจะมีพลังชีวิตมากขึ้น ท่านจะมีแรงในการต่อสู้เหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น
                แล้วมีคนถามผมว่า แล้วตนเอง เป็นคนไม่ชอบอ่านละ ถ้าหากว่าท่านไม่ชอบอ่านหนังสือ ท่านก็จงฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ แทน มีงานวิจัยที่น่าสนใจว่าคนทำงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินทางไปทำงานหรือไปในที่ต่างๆ โดยรถยนต์ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก
                จงเปลี่ยนเวลาเดินทางเป็น เวลาศึกษาเล่าเรียน โดยการฟังเทป การฟังซีดี วิชาการในรถ โอกาสมีสำหรับผู้แสวงหาและค้นหาโอกาส แล้วบางคนอาจอ้างว่าแล้วผมไม่ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวละ จะทำอย่างไร ท่านสามารถฟังวิชาการหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจได้โดย ซื้อเครื่องเล่นเทป หรือ เครื่องเล่นซีดี มาเปิดในห้องน้ำในขณะอาบน้ำ ในขณะทำงานในบ้าน หรือระหว่างเดินทางโดยฟังผ่าน MP3 ทางหูฟัง
หากว่าคุณปฏิบัติได้เช่นนี้เป็นประจำ มันจะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคุณ คุณจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอนาคต คนประสบความสำเร็จส่วนมากมักไม่ได้ทำงาน หนัก แต่เขาเหล่านั้นรู้จักเรียนรู้ที่จะทำงานอย่าง ฉลาด ต่างหาก
โดยสรุปก็คือ คุณสามารถ อ่าน ฟัง เรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ได้โดย
1.อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร เกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
2.ดูโทรทัศน์ รายการที่เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ดูว่าเขาต่อสู้อย่างไร ลำบากอย่างไร เขาอดทน มุ่งมั่นอย่างไร
3.ศึกษาจากการอ่านหนังสือชีวประวัติ ฟังเทป ดูวิดีโอ ที่เจ้าตัวเขียนหรือพูดเกี่ยวกับการต่อสู้ของตนเองจนประสบความสำเร็จ
และโดยส่วนตัวของผม ผมชอบอ่านและศึกษาประวัติของบุคคลสำคัญหลายๆคน เช่น โดนัลด์ ทรัมพ์ ,  จอห์น เอฟ เคเนดี้ , อับราฮัม ลินคอล์น , Tonyrobbins , Brian Tracy , บัณฑิต อึ้งรังสี เป็นต้น
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น กระผมขอยกตัวอย่าง เรื่องราวของ Starbucks (สตาร์บัคส์)เป็นร้านขายกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก Howard Schultz เป็นผู้ก่อตั้ง  โดยแรกเริ่มเดิมที่เขาไปเที่ยวที่เมือง Seattle และพบร้านขายกาแฟชื่อ Starbucks  ซึ่งมีเพียง 4 ร้านเท่านั้นในประเทศอเมริกาในขณะนั้น  เขาจึงอยากที่จะสร้างวัฒนธรรมการกินกาแฟของคนอเมริกันขึ้นมาใหม่ ขณะนั้นในอดีตคนอเมริกามักไม่ค่อยพิถีพิถันการกินกาแฟมากนักซึ่งแตกต่างการกินกาแฟของคนยุโรป
โดยความรัก ความชอบและความฝันของเขา เขาจึงลงทุนลาออกจากงานประจำเพื่อไปตามหาความฝันของเขา เขายอมลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของ Starbucks ในขณะนั้น และเขาได้ลงทุนไปอิตาลี เพื่อไปดูวัฒนธรรมและต้นแบบของศิลปะการกินกาแฟ เมื่อไปถึงทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
เขาจึงเสนอความคิดแก่หุ้นส่วนในการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้แก่ Starbucks แต่หุ้นส่วนเขาไม่ยอม เขาจึงตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เพื่อสร้างฝันของเขา ในที่สุด Starbucks เป็นร้านกาแฟที่คนรู้จักกันไปทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินกาแฟสมัยใหม่ของชาวอเมริกา ในปัจจุบัน Starbucks มีสาขาประมาณ 16,000 สาขาทั่วโลก และ สำหรับประเทศไทยมีประมาณ  140 สาขา
จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ให้มากๆ แล้วท่านจะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวของท่าน
               
               

               
               



วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คิดสร้างสรรค์


คิดอย่างสร้างสรรค์...ชีวิตเปลี่ยน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                คนไทยเราส่วนใหญ่มักมีปัญหาคือ ไม่ค่อยใช้ความคิด โดยเฉพาะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเหตุผลก็มีหลายประการ เช่น ระบบการศึกษา , ระบบอาวุโส , ระบบราชการ ฯลฯ
                แต่จริงๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ก่อให้เกิดความแตกต่าง จะดีไหม หากคนไทยคิดไม่เหมือนกัน 63 ล้านคน เราก็จะได้ความคิดใหม่ๆถึง 63 ล้านความคิด
                คนที่เรียนวิชาการตลาด มักให้คำจำกัดความว่า “ การตลาด คือ การสนองตอบความต้องการของลูกค้า ” แต่จริงๆแล้ว มันอาจถูกต้องแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ในทางกลับกัน การตลาด ก็คือ การสร้างความต้องการให้ลูกค้าเกิดความต้องการในสินค้าของเรา เช่นตัวอย่าง เคยมีนักข่าวไปสัมภาษณ์ Steve Jobs(สตีฟ จอส์บ) ว่าเขาใช้บริษัทวิจัยการตลาดอะไรหรือทำการวิจัยสินค้าอย่างไร เขาตอบนักข่าวโดยทันทีว่า เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องการวิจัยตลาด เพราะลูกค้าไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร พร้อมกันนั้นเขายังยกตัวอย่างว่า ในอดีต หาก เฮรี่ ฟอร์ด คนสร้างรถยนต์คันแรก มัวแต่ไปวิจัยการตลาดว่าคนต้องการ รถม้าอย่างไร(ซึ่งตอนนั้นคนยังเดินทางโดยสารโดยรถม้า) คำตอบที่ได้ก็คือ คนต้องการรถม้าที่แข็งแรงและม้าต้องวิ่งไวที่สุด  ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องแปลกใจที่ Steve Jobs(สตีฟ จอส์บ) ได้คิดค้น นวัตกรรมใหม่เป็นสินค้าตระกูล I เช่น IMac  ,  IBook , IPod ฯลฯ ให้ลูกค้าใช้
                ดังนั้น กระผมเชื่อว่า ประเทศไทยของเราต้องการคนประเภท Steve Jobs(สตีฟ จอส์บ) มากๆ แต่สิ่งที่เป็นตัวขัดขวางก็คือ ระบบการศึกษา ผมยังจำได้ว่า ตอนเด็กๆ ครูมักสอนให้ท่องจำมากกว่าสอนให้นักเรียนรู้จักคิด เช่น สอนให้จำปีที่คนไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1และครั้งที่ 2 ว่าเป็น พ.ศ.อะไร แต่ไม่สอนให้ใช้ความคิดว่า ทำไมถึงต้องเสียกรุงศรีอยุธยา  อีกทั้งระบบการศึกษาในอดีตและทั้งปัจจุบัน ยังไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์ อีกทั้งเด็กนักเรียนไทยไม่กล้าถาม เพราะหากถามหรือมีความคิดที่แตกต่างไปจากคุณครู มักจะโดนดุด่า ทำโทษ จึงทำให้เด็กไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป
                ระบบอาวุโส คนไทยเราตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน มักมีความเคารพนับถือ เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ ผมไม่ได้รังเกียจระบบอาวุโส แต่ระบบอาวุโส เป็นส่วนหนึ่งในการทำลายความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยเราส่วนใหญ่ เด็กๆ มักจะไม่กล้าโต้แย้งกับผู้ใหญ่ พวกเรามักเคยได้ยินคำโบราณที่ผู้หลักผู้ใหญ่ชอบใช้อ้างถึงเวลาสอนเด็กว่า “ ฉันเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนแก ” ทำนองนี้
                ระบบราชการ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่คอยขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ในระบบนโยบายสำคัญๆ หรือ คำสั่งสำคัญๆ มักมาจากเบื้องบน ผู้ที่อยู่เบื้องล่าง ต้องปฏิบัติตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาสำคัญๆ ต้องอาศัยความคิดที่ดีๆ ในการแก้ปัญหา ความคิดเห็นของคนเบื้องล่างก็อาจมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน
                เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน  พวกเราส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตที่เหมือนเดิมทุกๆวัน บางคนเบื่อหน่ายกับชีวิต แต่เราสามารถสร้างความสนุกให้กับชีวิตได้ก็ด้วยการคิดสร้างสรรค์ นั้นเอง ตัวอย่าง ท่านลองเปลี่ยนเส้นทางเดินทางไปทำงานบ้าง , ท่านลองจดกระดุมให้แตกต่างกันทุกวันบ้าง (วันนี้จดจากบนลงล่าง,พรุ่งนี้จดจากล่างขึ้นบน,เมื่อเรื่องนี้ จดจากตรงกลางลงล่างแล้วขึ้นข้างบน เป็นต้น)  , ท่านลองสร้างสรรค์โดยการตกแต่งห้องทำงานใหม่ เพราะหลายท่านต้องใช้เวลาทำงานที่ทำงานนานกว่าที่บ้านจึงควรให้ความสำคัญกับบรรยากาศในการทำงาน